เช็คด่วน! คุณเป็นโรคเครียดหรือเปล่า และวิธีการรักษา
ในปัจจุบันมีคนป่วยโรคเครียดเพิ่มมากขึ้นทุกปี เนื่องจากปัจจัยในการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป มีความเร่งรีบมากขึ้น ปัญหาด้านการงาน ปัญหาด้านการเงิน สภาพแวดล้อม ด้านสุขภาพและด้านครอบครัวทำให้เกิดความเครียดมากกว่าเดิม โดยความเครียดคือแรงกดดันที่ได้รับทำให้จิตใจเกิดความขุ่นมัว เกิดความทุกข์ ไม่สดใส ไม่ร่าเริง หวาดระแวงและตื่นตระหนกได้ง่าย ซึ่งโรคเครียดเกิดจากอะไรและจะมีวิธีรักษาอย่างแบบไหนได้บ้างมาดูกันเลยดีกว่า
โรคเครียด เกิดจากอะไร
ความเครียดเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ความเครียดเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญในการดำรงชีวิต การวิจัยพบว่าทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น ร่างกายของคนเราจะมีการตอบสนองมีการหดตัว เคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเสมอ เมื่อร่างกายเกิดความเครียดเกิดขึ้นร่างกายจะเตรียมความพร้อม เช่น จะสู้ หรือจะ หนี ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงทันทีเช่น
- หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพื่อฉีดเลือดและนำออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ในร่างกายต่างๆ พร้อมขจัดของเสียออกจากกระแสเลือด
- หายใจเร็วขึ้นแต่เป็นการหายใจสั้น ๆ
- มีการขับอดรีนาลีนและฮอร์โมนต่างๆ เข้าสู่กระแสเลือด
- กล้ามเนื้อหดเกร็งเพื่อเตรียมความพร้อมเคลื่อนไหว จะสู้หรือหนี
- เหงื่อออกเพราะเมื่อเกิดความเครียดจะมีการเผาผลาญพลังงานมากขึ้น
- เมื่อผ่านเหตุการณ์ความเครียดไปร่างกายจะกลับเข้าสู่โหมดปกติ
สาเหตุโรคเครียด
ในการใช้ชีวิตในปัจจุบันทำให้มนุษย์เกิดความเครียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดนั้นมีด้วยกันหลายสาเหตุดังนี้
- สภาพแวดล้อม อย่างเช่น มลภาวะจากเครื่องจักร จากรถยนต์ จากท่อไอเสีย และจากฝุ่นละออง
- สภาพเศรษฐกิจ อย่างเช่น มีรายได้น้อยไม่เพียงพอกับรายจ่าย
- สภาพแวดล้อมทางสังคมที่มีการแข่งขันมากขึ้น
- สัมพันธภาพกับคนอื่นๆ ไม่ราบรื่น มีความขัดแย้ง หรือทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนร่วมงานและคนในครอบครัว
- ความรู้สึกที่ไม่พอใจในตนเองที่รู้สึกว่าต่ำต้อยด้อยค่ากว่าคนอื่น
- เคยเผชิญกับเหตุการณ์ที่เร็วร้ายในอดีต
- มีประวัติป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
- พบเจอกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
- หรือได้รับข่าวที่ร้ายแรงแบบกะทันหันโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว และอื่นๆ เป็นต้น
อาการที่บ่งบอกว่าเป็นโรคเครียด
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเครียดมักจะมีอาการที่เปลี่ยนไปโดยที่บางทีตัวเองก็ยังไม่รู้ตัวว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวได้อย่างไร โดยคนที่ป่วยเป็นโรคเครียดมักจะมีอาการที่บ่งบอกแสดงออกมาอย่างเช่น
- มีพฤติกรรมที่ชอบแยกตัวออกมา มักจะเกิดอาการมึนงง หลงๆ ลืมๆ สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว และรู้สึกว่าเวลาเดินช้าลง
- ผู้ป่วยจะมีอาการที่นอนหลับยาก มีความโกรธหรือโมโหได้ง่าย มีพฤติกรรมก้าวร้าวขึ้นและไม่มีสมาธิจดจ่อต่องานที่กำลังทำอยู่
- มักจะเห็นภาพเหตุการณ์ที่ร้ายแรงซ้ำๆ หรือจะมีอาการฝันร้ายเป็นประจำ กับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต
- มีอารมณ์ขุ่นมัว มักแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาเชิงลบ อารมณ์ไม่ดี ไม่ร่าเริงแจ่มใส รู้สึกมีความทุกข์อยู่ตลอดเวลา
- วิตกกังวลง่าย และมีความอ่อนไหวต่อสิ่งเร้าต่างๆ
วิธีการรักษา
การรักษาโรคเครียดที่ดีที่สุดคือผู้ป่วยจะต้องเปิดใจและต้องพูดคุยระบายกับคนในครอบครัวและเพื่อนฝูง เพื่อระบายความเครียดออกมา แต่ถ้ายังไม่หายและยังมีความเครียดเรื้อรังควรเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง โดยจะมีรายละเอียดดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ หรือจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นอีกวิธีที่รักษาโรคเครียดได้ดีและมีประสิทธิภาพ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะรับมือกับสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียด รวมถึงช่วยจัดการให้ผู้ป่วยจัดการอาการของโรคที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
- บำบัดความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วยโรคเครียดที่เกิดจากความวิตกกังวล การบำบัดความคิดและพฤติกรรมเป็นวิธีจิตบำบัดที่มีแนวคิดและความคิดบางอย่างของผู้ป่วยที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้ป่วยปัญหาสุขภาพจิต ผู้ป่วยโรคเครียดอาจจะทำการบำบัดระยะสั้น โดยแพทย์จะทำการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของผู้ป่วย ช่วยทำให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าความคิดบางอย่างนั้นไม่ถูกต้อง และสามารถปรับทัศนคติของผู้ป่วยที่มีต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว รวมถึงเปลี่ยนมุมมองทุกอย่างให้ตรงตามความเป็นจริงอย่างถูกต้อง
- ใช้ยาในการรักษา โดยแพทย์จะทำการจ่ายยาให้ผู้ป่วยที่มีอาการโรคเครียดบางราย โดยจะได้รับการรักษาด้วยยาระยะสั้นๆ เพื่อบรรเทาอาการโรคเครียด ปัญหาการนอนหลับ อาการซึมเศร้า โดยใช้ยารักษา
การป้องกันโรคเครียด
โรคเครียดเป็นปัญหาที่ป้องกันได้ยาก เนื่องจากว่าความเครียดเกิดมาได้จากหลายสาเหตุและเกิดขึ้นได้กับทุกสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดคิด เพราะฉะนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคเครียดควรดูแลตัวเองเพื่อไม่ทำให้แย่ลงกว่าเดิมเท่านั้น โดยสามารถปฏิบัติตามดังนี้
- หลังจากเผชิญเหตุการณ์ที่เลวร้าย ต้องรีบเข้าการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อลดโรคเครียด
- ปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อรับมือกับโรคเครียด และลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเครียด
- ฝึกหายใจลึกๆ ทำสมาธิ เล่นโยคะ หรือไปนวดเพื่อผ่อนคลาย รวมทั้งพยายามทำจิตใจให้ผ่องใส
- หมั่นออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ได้เคลื่อนไหวร่างกาย
- ออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องเสมอ
- หากิจกรรมทำให้ผ่อนคลายอย่างเช่นการดูหนังฟังเพลง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงบุหรี่ และสิ่งเสพติดมึนเมาอื่นๆ
โรคเครียดถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพ เพราะความเครียดก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาได้ หากรู้ตัวว่ากำลังเป็นโรคเครียดอยู่จนเกิดอาการทางร่างกาย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหยุดโรคเครียด ไม่ให้รุนแรงมากไปกว่าเดิม เพราะหากปล่อยไว้อาจพัฒนาจนกลายเป็นโรคร้ายอื่นๆ ได้นั่นเอง