อาการที่เกี่ยวกับประจำเดือน เลือดออกผิดปกติที่ประจำเดือนมาบ้างไม่มาบ้าง เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในผู้หญิงตั้งแต่วัยเจริญพันธุ์ขึ้นไป โดยเฉพาะอาการมีเลือดออกจากช่องคลอด แต่ไม่ใช่ประจำเดือน เป็นปัญหาที่ทำให้สาว ๆ รู้สึกกลัวว่าจะเป็นโรคร้ายแรง บางคนกลัวถึงขั้นว่าตัวเองกำลังจะเป็นมะเร็งหรือเปล่า แถมคนที่มีอาการก็ไม่ค่อยกล้าจะไปหาหมอ เพราะความเขินอาย กลัวเจ็บและคิดกันไปก่อนล่วงหน้าว่าถ้าไปหาหมออาจจะเจอโรคที่ตัวเองรับไม่ได้ จึงเลือกปิดหูปิดตาให้อาการดำเนินต่อไปแบบนี้น่าจะดีกว่า

เอาจริง ๆ แล้วอาการดังกล่าว มีได้หลายปัจจัย ซึ่งส่วนมาก ต้องย้ำเลยว่าไม่ได้มาจากโรคร้ายแรง เป็นเพียงความแปรปรวนของฮอร์โมน หรือผลข้างเคียงของยาเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็มีโอกาสที่จะตรวจพบโรคร้ายแรงได้ แต่อย่าเพิ่งวิตกกังวลจนเกินเหตุ สิ่งที่พบอาจไม่ได้มีอะไรเกินกว่าที่ใจกลัวจนใช้ชีวิตแบบไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นลองมาเช็คลิสต์สักนิดกับต้นตอของอาการเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงที่ไม่ใช่รอบเดือนแบบนี้ ว่าน่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งดูแลตัวเองได้เร็ว ลดเสี่ยงเกิดโรคร้ายแรงลงไปได้ด้วย

จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นเลือดที่ออกจากช่องคลอดไม่ใช่ประจำเดือน?

ถ้ามีเลือดออกจากช่องคลอด แต่ไม่ใช่ประจำเดือน เราจะทราบได้ด้วยตัวเองจากการนับวันไข่ตก โดยปกติเลือดประจำเดือนจะมีทุก ๆ 20-35 วัน และโดยเฉพาะแล้วจะมาครั้งละไม่เกิน 7 วันต่อรอบ ซึ่งถือว่าเป็นประจำเดือน หรือเมนส์ปกติ กรณีที่มีเลือดออกก่อนช่วงเวลา หรือมีเลือดออกต่อเนื่องมากเกินกว่า 7 วัน แบบกระปริดกระปรอย หรือมีปริมาณมากเหมือนประจำเดือน แบบนี้ถือว่าเป็นความผิดปกติที่สาว ๆ ต้องสังเกตตัวเอง ถ้าเป็นไปได้ให้รีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงก่อนดีที่สุด

สาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้เกิดอาการเลือดออกผิดปกติ

อาการเลือดออกผิดปกติ มีได้หลายสาเหตุ เริ่มต้นจากอาการที่ไม่รุนแรง เช่น

1.ภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมน

เป็นอาการที่พบได้บ่อยมากในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ มักเกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ที่เป็นฮอร์โมนเพจ ทำงานผิดปกติ เกิดความไม่สมดุลกัน

2.ภาวะเครียด

เป็นอาการที่ทำให้เกิดการไม่สมดุลของฮอร์โมน เกิดความแปรปรวน โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น และวัยทำงานที่ต้องเจอกับการแข่งขันสูง ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดภาวะเลือดออกที่ไม่ใช่ประจำเดือนได้เช่นกัน

3.การใช้ยาคุมกำเนิด

การใช้ยาคุมไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มต้นใช้ หรือช่วงหยุดยา จะพบได้ว่าในผู้ที่เริ่มใช้จะมีเลือดออกผิดปกติประมาณ 3 เดือนแรก เนื่องจากฮอร์โมนแปรปรวน รวมไปถึงผู้ที่กินยาคุมไม่ตรงต่อเวลา และผู้ที่หยุดยาคุม จะมีเลือดออกกระปริดกระปรอยนอกรอบเดือนได้ โดยเฉพาะการใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยครั้ง เป็นตัวเสี่ยงกระตุ้นให้เกิดภาวะดังกล่าว และยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย

4.ภาวะแทรกซ้อนที่มาจากการตั้งครรภ์

ผู้หญิงตั้งครรภ์บางกลุ่มจะพบกับภาวะแทรกซ้อนนี้ได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ ทั้งนี้เลือดที่ออกมานั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นภาวะตกเลือดหรือแท้งเสมอไป อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีท้องนอกมดลูก หรือมีปัญหารกเกาะต่ำ เป็นต้น หากเลือดออกไม่หยุด กรณีแบบนี้ควรรีบพบแพทย์ทันที แม้เป็นจะเป็นจุดเลือดเพียงเล็กน้อยก็ตาม

5.เนื้องอกในมดลูก

เรียกได้ว่าเป็นโรคที่พบได้เยอะพอสมควรในผู้หญิง โรคนี้สามารถเป็นต้นตอของอาการเลือดออกผิดปกติได้

อาการเลือดออกผิดปกติแบบไหนที่ควรพบแพทย์

อาการที่มีเลือดออกจากช่องคลอด แต่ไม่ใช่ประจำเดือนแบบไหนที่ควรเข้าพบแพทย์โดยเร่งด่วน ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้? ตอบเลยว่า หากพบอาการผิดปกติเกิดขึ้น โดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน ก็ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์ได้เลย ไม่ต้องรอเช็คอาการด้วยตัวเอง หรือทิ้งเวลาให้นานจนอาจทำให้อาการเล็ก ๆ ลุกลามใหญ่โต ยากต่อการรักษาตามมา ยิ่งถ้ามีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง, ภาวะซีด, มีไข้หนาวสั่น, เจ็บขณะมีเพศสัมพันธุ์ ฯลฯ ให้รีบพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจจะมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์

การตรวจรักษาของแพทย์กับภาวะเลือดออกผิดปกติ

แพทย์จะวินิจฉัยจากสาเหตุและอาการที่พบก่อนเป็นอันดับแรก ซักประวัติและสอบถามการใช้ยาต่าง ๆ รวมถึงโรคประจำตัว รวมทั้งสีของเลือดที่ออกมาว่าเป็นสีแดงเหมือนเลือดสด ๆ หรือสีเข้มคล้ำ มีเมือกสีเหลืองคล้ายหนองออกมาปนร่วมด้วยหรือไม่ เมื่อทราบถึงอาการหลัก ๆ แล้วก็จะทำการตรวจเพิ่มเติม ตั้งแต่บริเวณอุ้งเชิงกราน, การตรวจคัดกรองหามะเร็งปากมดลูก, การตรวจการตั้งครรภ์ และการตรวจหาเนื้องอกในมดลูก หากยังไม่พบต้นตอ จะมีการตรวจเลือด และตรวจเม็ดเลือดเพิ่ม เพื่อใช้วัดระดับฮอร์โมนเพศ ดูความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ตับ และการทำงานของไต รวมทั้งภาวะโลหิตจางที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเสียเลือดเป็นจำนวนมาก

อาการผิดปกติจากภาวะมีเลือดออกจากช่องคลอด แต่ไม่ใช่ประจำเดือนเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจเป็นเพียงแค่ความผิดปกติเพียงน้อยนิด และหายไปเองได้ ไปจนถึงระดับที่รุนแรง ต้องทำการรักษาอย่างเร่งด่วน เพราะฉะนั้นสาว ๆ ที่มีอาการผิดปกติแบบนี้ อย่านิ่งนอนใจ รีบเช็คอาการตัวเองให้ดีว่ากำลังเข้าข่ายผิดปกติกันอยู่หรือเปล่า?